ไม่มีชื่อ 6

ฟีโรโมนเป็นสารเคมีชนิดหนึ่งที่ไม่มีกลิ่น แต่คนเราสามารถรับรู้ฟีโรโมนซึ่งกันและกันได้เมื่อเกิดการคลิกกัน หรือง่ายๆ คือ รู้สึกสนใจในกันและกัน นั่นเอง คนสองคนจะรับรู้กลิ่นฟีโรโมนนี้ได้ก็ต่อเมื่อพวกเขามีเคมีที่ตรงกัน อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยบอกไว้ว่า “หลุมรักที่ดักคุณไม่ใช่ด้วยอำนาจของแรงดึงดูด แต่อาจเพราะเหตุผลที่อธิบายไม่ได้อย่างฟีโรโมน”

ฟีโรโมน…กลิ่นที่ไม่มีกลิ่น

ตามหลักวิทยาศาสตร์ ฟีโรโมนเกินจากคำสองคำ Pherein แปลว่า การส่งต่อ การเชื่อมโยง และการสื่อสาร ส่วนคำว่า Hormon แปลว่า ความตื่นเต้น ตื่นตา ตื่นใจ บทความเรื่อง Are Human Pheromones Real? ของ Scientific American บอกว่านักวิทยาศาสตร์ค้นพบสารนี้ครั้งแรกเมื่อปี 1959 เวลาที่สัตว์อยู่ในช่วงการผสมพันธุ์จะมีการหลั่งสารนี้ออกมาเพื่อหาคู่ในสายพันธุ์เดียวกัน รวมทั้งเป็นการสื่อสารกันระหว่างเผ่า เช่น มด หรือผึ้ง ในบางครั้งก็ปล่อยออกมาเพื่อเรียกเพศตรงข้าม

แต่สำหรับมนุษย์แล้ว เราจะไม่ได้กลิ่นนี้ เพราะฟีโรโมนเป็นกลิ่นที่ไม่มีกลิ่น งงมั้ย? มันเกิดจากการที่ทั้งสองฝ่ายต่างได้กลิ่นซึ่งกันและกัน ที่ไม่ใช่กลิ่นที่เกิดจากการปรุงแต่งอย่างน้ำหอม โลชั่น หรือครีมบำรุงต่างๆ ง่ายๆ คือถ้าเป็นคนที่เราชอบ เราจะได้กลิ่นนั้นเองโดยอัตโนมัต

นายแพทย์พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ แพทย์ประจำสูตินรีเวช โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ บอกว่า ฟีโรโมนคือสารเคมีชนิดหนึ่งที่มนุษย์สามารถรับรู้ได้จากการสั่งงานโดยสมอง มันจะเกิดขึ้นเมื่อเรารู้สึกชอบใครสักคน ในขณะที่แพทย์หญิงกอบกุลยา จึงประเสริฐศรี ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลพญาไท 2 ก็อธิบายเรื่องนี้ไว้ในรายการอยู่เป็นลืมป่วย ว่า “ฟีโรโมนเป็นสารที่ใช้สื่อออกมาไม่ใช่จากภายในแต่เป็นภายนอก จะสื่อระหว่างสัตว์สปีชีส์เดียวกัน เช่น หนู หรือผึ้ง เวลาที่จะผสมพันธ์ุ สัตว์พวกนี้จะหลังสารฟีโรโมนออกมา”

อย่างไรก็ตาม นักวิชาการหลายๆ คนของต่างประเทศก็ยังไม่มีข้อสรุปในเรื่องนี้ บ้างก็ว่ายังไม่มีหลักฐานที่จะมาสนับสนุนได้พอเพียง ต้องรอดูกันต่อไปว่าบทสรุปเรื่องนี้จะเป็นเช่นไร

หรือที่โสด เพราะเราไม่มีฮอร์โมนนี้

อาจไม่ถูกต้องเสียทีเดียว นั่นเป็นเพราะเรายังไม่เจอกลิ่นที่แมตช์กันกับเรามากกว่า เพียงแต่นักวิทยาศาสตร์พบว่ากลิ่นจะช่วยกระตุ้นอารมณ์ให้เกิดความรู้สึกบางอย่างก็เท่านั้น มันก็เลยมีการพยายามสร้างกลิ่นเทียมขึ้นมาเพื่อเป็นตัวช่วยให้เรามีกลิ่นแบบนี้อยู่ในตัว จะได้ดึงดูดเพศตรงข้ามได้มากขึ้น แต่ไม่ว่ายังไง อย่าโทษตัวเองที่ไม่มีกลิ่นนี้ อย่าโทษตัวเองที่ทำไมฉันยังโสด เพราะถ้าเจอที่คนใช่ เขาจะได้กลิ่นเราเอง และเราก็จะได้กลิ่นจากเขาเหมือนกัน จมูกเธอไม่ได้ดับนะ ไม่ต้องกลัว ฮอร์โมนเพศก็ยังมีอยู่ อย่าวิตก!

ฟีโรโมน ต้นเหตุของเรื่อง Love at First Sight

นอกจากเรื่องโชคชะตาและพรหมลิขิตที่หลายๆ คนเชื่อว่ามันจะนำพาใครสักคนเข้ามาอยู่ในวงโคจรแล้ว เจ้ากลิ่นที่ไม่กลิ่นอย่างฟีโรโมนก็สามารถนำพาใครสักคนบนโลกนี้ เข้ามาอยู่ในวงโคจรของเราได้เหมือนกัน นอกเหนือจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณเองแล้วแหละว่าจะยังไงต่อ จะสานต่อหรือเปล่า จะเชื่อได้มั้ยว่าคนคนนี้ใช่แน่ จะไม่มาแล้วอยู่ดีๆ ก็หาย ไม่เอานะ

ในหนังสือ The Statistical Probability of Love at First Sight เขียนโดยเจนนิเฟอร์ อี.สมิท มีฉากหนึ่งที่โอลิเวอร์ พระเอกของเรื่องบังเอิญเจอกับนางเอกที่สนามบิน ซึ่งไม่ได้เจอกันเพียงแค่ครั้งเดียวแล้วต่างคนต่างบินคนละไฟลท์ แบบพบเพื่อเพียงผ่านนะจ๊ะ เพราะดันเจอกันถึงสามครั้งในต่างช่วงเวลา ซึ่งตอนท้ายมีเรื่องให้น่าคิดอยู่นิดหนึ่งว่า “คนที่เจอกันอย่างน้อยสามครั้งในช่วงเวลาที่แตกต่างกันภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง มีความเป็นไปได้ถึงเก้าสิบแปดเปอร์เซ็นต์ที่จะเจอกันอีก” ความเป็นไปได้ที่ว่านี้จะเป็นไปได้จริงๆ หรือไม่ก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ รักแรกพบก็ยังมีอยู่จริงนะ

หากพรุ่งนี้เกิดเจอใครสักคนระหว่างกำลังเดินทาง แล้วเกิดเหตุการณ์แบบที่โอลิเวอร์เจอ และรู้สึกดีกับเรื่องนี้ คงไม่ต้องอธิบายแล้วละว่ามันเกิดอะไรขึ้น

คำตอบอยู่ในย่อหน้าแรก…ลองเลื่อนสายตาขึ้นไปอ่านสิ ไอน์สไตน์เขาบอกไว้!

 

 

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Main Menu